1. Virtual Machine
Generation 2 (Gen 2)
Virtual Machine ที่ถูกสร้างขึ้นมาใน Hyper-V
เวอร์ชั่นก่อนๆ ซึ่งผมขอเรียกว่า Virtual Machine Generation 1 หรือ Gen
1
จะสนับสนุนการทำงานร่วมกับดีไวซ์ต่างๆ
รวมถึงดีไวซ์เก่าๆ ด้วย เช่น NIC
หรือเน็คเวิรค์การ์ด,
Disk
ที่เป็น IDE และพวก Emulated ดีไวซ์ต่างๆ
เป็นต้น แต่สำหรับ Virtual
Machine ใน Windows Server 2012 R2 Hyper-V
จะเป็นรองรับและสนับสนุนการทำงานกับดีไวซ์ใหม่ๆ ทั้งหมด และไม่รองรับและทำงานร่วมกับดีไวซ์เก่า หรือพวก
Emulated ดีไวซ์อีกต่อไปครับ Virtual Machine Gen 2 จะมีฟีเจอร์ต่างๆ
ดังต่อไปนี้ครับ
- Virtual Machine Gen 2 รองรับการทำงานกับ VMBus และ Synthetic
Drivers แบบเต็มรูปแบบ จึงทำให้
รองรับการ
Boot จาก Virtual SCSI Disk หรือ DVD (เวอร์ชั่นเดิมหรือ Generation 1 รองรับเฉพาะ IDE เท่านั้น)
หรือ Virtual
Network Adapters เป็นต้น
- ใช้ UEFI แทนการใช้ BIOS แบบเดิมเพื่อทำ Secure Boot (สามารถทำ Secure
Boot
จาก GPT พาร์ติชั่น)
- Boot ได้เร็วกว่าเดิมประมาณ 20 % และนอกจากนี้ยังใช้เวลาในการติดตั้ง Guest
Operating System น้อยกว่า
ประมาณ 50 %
เมื่อเปรียบเทียบกับ Virtual Machine Gen 1
- มี Device Drivers ที่ทำงานใน Virtual Machine Gen 2 น้อยกว่า
Gen 1 เพราะใน Gen 2 ได้ทำการถอดพวก
Emulated Drivers ต่างๆ เช่น IDE และ Legacy Network
Adapters ออกไป และใช้ VMBus Drivers แทน
- รองรับ Guest Operation System ที่เป็น
Windows 8 (64-bit) และ Windows Server 2012 (64 –bit) ขึ้นไป
รูปด้านล่าง แสดงถึงการสร้าง Virtual Machine Gen 2 ใน Windows Server 2012 R2 Hyper-V ครับ
ความแตกต่างระหว่าง Drivers ที่ใช้ใน Virtual Machine Gen1 กับ Gen
2
2. Full Remote
Desktop Support
สามารถทำการ Remote ไปยัง Virtual Machines ต่างๆ โดยไม่ต้องอาศัย RDP เพราะว่าใน Windows
Server 2012 R2 Hyper-V เมื่อต้องการรีโมทไปยัง
Virtual Machines จะทำงานผ่าน VMBus แทน ทำให้มีความสะดวกมากขึ้น
หากในกรณีที่เกิดปัญหาในกรณีที่ Virtual Machine ไม่สามารถติดต่อสื่อสารผ่านทางเน็คเวิรค์ได้
หรือในกรณีที่ RDP ถูก Block โดย Firewall จึงเป็นสาเหตุให้ผู้ดูแลระบบไม่สามารถรีโมทไปยัง
Virtual Machine เครื่องนั้นผ่านทาง RDP ได้
แต่ด้วยความสามารถของ VMBus-Based Connection
สามารถทำให้ผู้ดูแลระบบทำการรีโมทไปยัง
Virtual Machine ได้จากคอนโซล
นอกจากนี้แล้วยังสามารถทำ Copy และ Paste ระหว่าง
VM Console กับ Desktop ที่กำลังทำงานอยู่ได้ด้วยครับ ซึ่งใน
Hyper-V เวอร์ชั่นก่อนๆ
จะไม่สามารถทำแบบนี้ได้ครับ
3. Faster Live Migration
Live Migration เป็นฟีเจอร์ที่มีอยู่แล้วใน Hyper-V ครับและถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่สำคัญมากครับสำหรับการทำ High Availability ครับ โดยใน Windows Server 2012 R2 Hyper-V ได้มีการพัฒนาและปรับปรุง Live Migration โดยเพิ่มการทำ Compression ในกระบวนการการทำงานของ Live Migration จึงทำให้ Live Migration ทำงานได้เร็วกว่าเดิมครับ
4. Cross-Version Live Migrations
Hyper-V Live Migration สามารถทำการ Live Migrate Virtual Machines จาก Windows Server 2012 Hyper-V มาที่ Windows Server 2012 R2 Hyper-V
5. Shared VHDX
โดยปรกติแล้วการทำ Failover Clustering นั้นยังคงมีความซับซ้อนพอสมควรเพราะจะต้องเกี่ยวข้องกับหลายๆ ส่วนครับ ไม่ว่าจะเป็น Hyper Hosts, VMs และ Storages เป็นต้น นอกจากนี้การทำ Failover Clustering ยังมี 2 แบบหรือ Level ครับ คือ การทำ Host และ Guest Clustering อีกทั้งในบางองค์กรมีความต้องการที่จะทำ Failover Clustering แต่ไม่มีงบประมาณในการจัดซื้อ Storages ไม่ว่าจะเป็น Fibre Channel หรือ iSCSI ใน Windows Server 2012 นั้นไมโครซอฟท์ได้เพิ่มฟีเจอร์ในการทำ Failover Clustering โดยไม่ต้องใช้ Storages แต่ใช้ SMB 3.0 แทนได้ครับ
แต่สำหรับ Shared VHDX ที่มาพร้อมกับ Windows Server 2012 R2 Hyper-V ถูกออกแบบมาสำหรับการทำ Failover Clustering ในระดับของ Guest Clustering ครับ ซึ่งจะมีประโยชน์มากสำหรับ Clouds ครับ เราสามารถทำการ่แชร์ VHDX เพื่อทำ Failover ได้แล้วครับ โดยไม่ต้องใช้ Shared Storage ครับ เพียงแค่เราวาง VHDX ไว้ที่ File Server แค่นั้นครับก็สามารถทำ Guest Clustering ได้แล้วครับ
6. Dynamic VHDX Resizing
ใน Windows Server 2012 R2 Hyper-V เราสามารถทำการ Resize ไม่ว่าจะเป็นการ Expand หรือ Shrink Virtual Hard Disk (VHDX) ได้ ในขณะที่ Virtual Machine นั้นกำลังรันหรือทำงานอยู่ครับ
ยังไม่จบนะครับสำหรับการรีวิว Hyper-V Features ใน Windows Server 2012 R2 โปรดติดตาม Part 2 ต่อไปครับผม.....
ขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบ