วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รีวิวแ ละสำรวจฟีเจอร์ใหม่ ๆ ใน System Center 2012 Configuration Manager ตอนที่ 2

เพื่อให้เป็นการเสียเวลา ผมจะรีวิวฟีเจอร์ของ System Center 2012 Configuration Manager กันต่อเลยครับ


7.  Central Administration Site (CAS)
CAS  เป็น Site ชนิดใหม่ ที่มาแทน Primary Site ที่เป็น Site ที่อยู่บนสุดของ SCCM Site Hierarchy ซึ่งในเวอร์ชั่น 2007 R2/R3 เรียกว่า Central Site   ดังรูปด้านล่าง ซึ่งแสดงถึง SCCM 2007 R2/R3 Site Hierarchy
CAS ใน Configuration Manager 2012 Site Hierarchy   ดังรูป

เราจำเป็นต้องมี  CAS Site ในกรณีที่มี  Deployments ขนาดใหญ่รวมถึงการบริหารจัดการและ Reporting ใน Hierarchy  เมื่อทำการ Deploy แล้ว CAS จะเป็น Site ที่อยู่บนสุดของ Hierarchy ตามรูปด้านบน   CAS Site   เป็น  Site ที่ไม่มี Clients  ครับ หรือพูดอีกอย่างว่า เราไม่สามารถ assigned Clients ให้กับ   CAS  ได้   เพราะฉะนั้นเมื่อมีการ Deploy CAS แล้ว เราจำเป็นต้องทำการติดตั้ง Primary Site เพิ่มเข้าไปด้วย เพราะ Primary Site จะเป็น Site ที่ทำหน้าที่ในการบริหารระบบและผู้ใช้งาน  นอกจากนี้แล้ว CAS   ยังให้เราสามารถทำการติดตั้ง Primary Sites เพิ่มเติมได้อีกในอนาคต   ในกรณีที่ไม่ได้ทำการติดตั้ง CAS เอาไว้ก่อน  จะทำให้เราไม่สามารถติดตั้ง Additional Primary Sites เพิ่มเข้าไปได้  จะมีได้เพียง 1 Primary Site เท่านั้น  ซึ่งเหมาะกับระบบที่มีขนาดเล็ก  แต่ยังคงติดตั้ง Secondary Site เข้าไปอยู่ภายใต้ Primary Site ได้  สิ่งสำคัญอีกอย่างสำหรับเรื่องราวของ CAS Site คือ ไม่สามารถติดตั้งภายหลัง  นั่นหมายความว่า CAS Site จะต้องเป็น Site แรกที่ถูกติดตั้งใน Configuration Manager 2012 Hierarchy
สำหรับ Primary Site ใน Configuration Manager 2012 จะทำงานคล้ายกับ  Primary Sites ใน SCCM 2007 R2/R3    ส่วนที่แตกต่างคือ เราไม่จำเป็นต้องใช้ Primary Sites  เพื่อเป็น  Boundary  สำหรับClient Agent Settings  หรือการทำ   Network Bandwidth Control อีกต่อไป  เพราะใน   Configuration  Manager 2012  สามารถสร้างหรือกำหนด Boundary เพื่อใช้ในการจัดการ   Clients  โดยใช้ Collections แทนได้ ซึ่งทำให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น  และสิ่งต่อมาที่มีการเปลี่ยนแปลงใน Primary Sites คือ Primary Sites ไม่สามารถมี Child Sites เป็น Primary Sites ได้  และ Primary Sites สามารถเป็น Child Site ของ CAS Site   ได้เท่านั้น
Site ชนิดต่อมาที่ผมจะอธิบายต่อคือ  Secondary Site ใน  Configuration Manager  จะมีหน้าที่เหมือนกับใน   SCCM 2007 R2/R3  แต่ไม่สามารถติดตั้งจาก   SCCM Setup  ดังรูป   แต่สามารถติดตั้งได้จากคอนโซล  และ  Secondary Site ใน Configuration Manager 2012 ต้องการ SQL เพื่อใช้เป็น Database  แต่สามารถใช้เป็น SQL Express ได้

ละใน Configuration Manager 2012 ไม่มี  Mixed และNative Mode  เพื่อใช้เป็นการติดต่อสื่อสารกันระหว่าง   SCCM เซิรฟเวอร์กับ Clients  แต่สามารถกำหนดหรือเลือกว่าจะใช้   HTTP หรือ HTTPS แทน
8.  Distribution Point
ใน SCCM 2007 R2/R3,  Distribution Point จะมี 2 แบบ คือ    Standard Distribution Point และ Branch Distribution Point  แต่ใน Configuration Manager 2012 จะมีแค่เพียง Distribution Point เท่านั้น  และได้มีการปรับปรุงและเพิ่มเติมฟีเจอร์เข้าไป  โดยสามารถติดตั้ง Distribution Point บน  Windows Vista + SP2   ขึ้นไป และบน Windows Server 2003 + SP2 ขึ้นไป  และมีการเพิ่มฟีเจอร์ในการทำ Throttling และ Scheduling  และยังทำหน้าที่เป็น PXE ได้อีกด้วย ซึ่งจากเดิม PXE จะเป็น Role หนึ่งใน SCCM 2007 R2/R3   และยังทำหน้าที่เป็น APP-V Streaming  อีกด้วย  ดังรูป
9.  Monitoring
ใน Configuration Manager 2012 มีการเพิ่มฟีเจอร์ของการ Monitoring เพื่อทำการตรวจสอบการทำงานต่าง ๆ  ดังรูป


สิ่งแรกที่ผมจะพูดถึงใน Monitoring Workspace คือ Alerts  จะทำหน้าที่ในการแสดงรายละเอียดของการทำงานต่าง ๆ ใน Configuration Manager 2012 ว่าเป็นอย่างไร โดยดูได้จากคอนโซล ดังรูปครับ

ส่วนต่อมาคือ Queries  โดยจะให้ข้อมูลแบบ Real-Time จาก Configuration Manager 2012 Database และเราสามารถกำหนด Query ขึ้นมาเองเพื่อทำการดึงข้อมูลจาก Database ได้เช่นเดียวกัน
ส่วนต่อมาคือ Reporting  ให้เราสามารถดูและสร้างรายงานได้ด้วยตัวเอง ใน Configuration Manager 2012, มีรายงานให้มาประมาณ 441 Reports
ส่วนต่อมาคือ  Site Hierarchy  ให้เราสามารถดูสถานะระบบของ Configuration Manager 2012 แบบ Real-Time  โดยสามารถใช้เม้าส์คลิ๊กดูได้ตามต้องการ  ดังรูป
System Status   แสดงข้อมูลและสถานะเกี่ยวกับ Site และส่วนประกอบต่างๆ   สำหรับการแสดงสถานะจะมีทั้งหมด 3 States คือ Healthy, Warning และ Error
Deployments   คือส่วนที่ใช้ในการตรวจสอบ Application, Software Updates หรือ Operating System Deployment จากคอนโซล   โดยเราสามารถดูว่ามีแอพพิเคชั่นหรืออัพเดทใด ที่กำลังถูก deployed อยู่   ดังรูป


Client Status   สามารถตรวจสอบ   Client Health   และ Activity ต่าง ๆ ดังรูป
นอกจากนี้ยังมีส่วนของการ Monitoring  ของ Database Replication, Software Updates และอื่นๆ  สำหรับในส่วนของ Monitoring Workspace จึงเป็นส่วนที่มีประโยชน์ในแง่ของการตรวจสอบสถานะการทำงานและส่วนประกอบต่างๆ  ใน Configuration Manager 2012 เพื่อช่วยในการ Troubleshooting ครับ
10.  Remote Control
เป็นฟีเจอร์ที่ได้มีการปรับปรุงจากใน SCCM 2007 R2/R3  โดยในเวอร์ ณ ปัจจุบัน เราไม่สามารถทำ remote control ไปที่เครื่องนั้นได้ ถ้ายังไม่ได้ทำการ Log on  แต่ใน Configuration Manager 2012 สามารถทำได้ โดยใช้ออฟชั่นที่ชื่อว่า “Send Ctrl+Alt+Del Key  ดังรูป
นอกจากนี้ยังสามารถทำ Clipboard Sharing  และทำการล็อก Remote Keyboard and Mouse ได้อีกด้วย  ด้านล่างเป็นรูปที่แสดงถึงการกำหนดค่าต่างๆ ในส่วนของ Remote Control


11.  Mobile Device Management
ก่อนหน้านี้ถ้าหากพูดถึงเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารและจัดการ Mobile ของทางไมโครซอฟท์ จะพบว่าทูลหรือเครื่องมือเหล่านี้มีข้อจำกัดคือ สามารถจัดการได้เฉพาะ Mobile Devices ที่เป็นของไมโครซอฟท์เท่านั้น  โดยเครื่องที่ว่านี้คือ  System Center Mobile Device Management (MDM)   มาถึงวันนี้ทางไมโครซอฟท์ได้ยกเลิก MDM  และได้ทำการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโดยเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารและจัดการ Mobile  ให้ดีและมีความสามารถมากขึ้น และได้ทำการใส่เข้ามาเป็นฟีเจอร์หนึ่งของ Configuration Manager 2012 โดยสามารถทำการจัดการได้ทั้ง Mobiles  ที่เป็นของ Microsoft,   Anroid,  Apple iPhone และอื่นๆ   โดยการจัดการ  Mobiles ใน Configuration Manager 2012 จะมี 2 แบบคือ Light และ Depth Managment ซึ่งจะแตกต่างกันในเรื่องของการทำงานและฟีเจอร์ที่รองรับและสนับสนุน  ดังรูป

และทั้งหมดนี้เป็นการรีวิวบางฟีเจอร์ทั้งใหม่และที่ได้มีการปรับปรุงใน System Center Configuration Manager 2012 ครับผม.....




2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ15 พฤษภาคม 2555 เวลา 21:28

    สวัสดีครับคุณ Barista5 ขอเมล์คุยติดต่อปรึกษาได้ไม๊ครับ

    ตอบลบ