วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รีวิวแ ละสำรวจฟีเจอร์ใหม่ ๆ ใน System Center 2012 Configuration Manager ตอนที่ 1

     สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่านสำหรับบทความนี้เป็นตอนแรกที่ผมจะทำการรีวิวฟีเจอร์ของ Product  ตัวต่อมาที่อยู่ใน System Center 2012 นั่นก็คือ Configuration Manager  หรือที่เราเรียกกันก่อนหน้านี้ว่า “SCCM”  ซึ่งในเวอร์ชั่น ณ ปัจจุบัน คือ SCCM 2007 R2/R3 ครับ  แต่ต้องบอกว่า Configuration Manager 2012   มีฟีเจอร์ใหม่รวมถึงมีการปรับปรุงฟีเจอร์เดิมให้ดีขึ้นเยอะมากครับ โดยผมจะหยิบเอาบางฟีเจอร์ที่น่าสนใจมาเล่าและอธิบายให้ท่านผู้อ่านได้ทราบกัน    และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาดูกันครับว่ามีอะไรใหม่และเปลี่ยนแปลงไปบ้างครับ

1. Configuration Manager 2012 เป็น 64 บิท ซึ่งก่อนหน้านี้ในเวอร์ชั่น  2007 R2/R3 เป็น 32 บิทเท่านั้น  เพราะฉะนั้นเราจึงไม่สามารถทำ Direct Upgrade จาก Configuration 2007 Site  ที่เป็น  32 บิท ไปเป็น Configuration Manager 2012 ที่เป็น 64 บิท ได้  วิธีเดียวที่ทำได้คือการทำ Migration โดยใน Configuration Manager 2012 จะมีเครื่องมือที่ช่วยในการย้าย Objects และข้อมูลต่าง ๆ  จาก  Configuration Manager 2007 Site Hierarchy มาใน Configuration Manager 2012 Hierarchy

2. Configuration Manager คอนโซล (ใหม่)คอนโซลใหม่ที่ทำให้การใช้งานดูง่ายและสะดวกขึ้น  โดยในเวอร์ชั่นก่อนจะใช้ MMC ครับ   แต่ผมต้องบอกว่าอาจจจะต้องใช้เวลาปรับตัวในระยะแรก ๆ ครับ เพราะเรายังไม่คุ้นเคย  แต่ถ้าใช้งานไปสักระยะหนึ่งผมคิดว่าท่านผู้อ่านจะชอบเหมือนผมครับ  ดังรูป
ท่านผู้อ่านจะสังเกตเห็นว่าหน้าตาคอนโซลของ Configuration Manager 2012 จะเหมือนกับ VMM ครับ  และต้องบอกว่าคอนโซลใน System Center 2012 จะมีหน้าตาแบบนี้ครับ
3. User-Centric Management
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากใน Configuration Manager 2012 คือ “User Centric Management” ครับ  หรือการทำ .”User Device Affinity (UAC)”   โดยให้กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้งานกับดีไวซ์   ซึ่งทำให้การบริหารจัดการต่างๆ  ใน Configuration Manager 2012 จะทำในมุมของผู้ใช้งานเป็นหลัก ซึ่งจะแตกต่างจากในเวอร์ชั่นก่อนคือ การบริหารและจัดการส่วนใหญ่จะมองในรูปของระบบและดีไวซ์  ดังนั้นจึงทำให้การบริหารจัดการใน Configuration Manager 2012 มีความสะดวกและมีความยืดหยุ่นมากขึ้นครับ 
ผมขอยกเอาเรื่องราวของการทำ Software Distribution ในองค์กร โดยใข้ SCCM 2007 R2/R3  สิ่งที่ผมต้องทำคือ สร้าง Collection ตาม Systems หรือตามเครื่อง โดยผมจะต้องทำการสร้างและกำหนด Query เพื่อกำหนดเงื่อนไข เพื่อต้องการเครื่องที่ผมต้องการที่จะทำการติดตั้ง Software  แต่สำหรับใน Configuration Manager 2012 เราสามารถทำการกำหนดหรือระบุ Users หรือ Groups (จาก Active Directory) ได้เลย  รูปด้านล่าง แสดงถึงมุมมองในการบริหารจัดการของ Configuration Manager  โดยด้านซ้ายจะเป็นเวอร์ชั่นในปัจจุบันจะมองและจัดการดีไวซ์  แต่ในเวอร์ชั่น 2012 จะมองและจัดการในมุมของผู้ใช้งานครับ
และนอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถกำหนด สิ่งที่เรียกว่า “Primary Device”  หรือเราสามารถกำหนด Rules ในการกำหนด Primary Device ได้ครับ  ดังรูป
ผมขออธิบายคร่าว ๆ สำหรับ Primary Device ใน  Configuration Manager 2012 คือ ดีไวซ์ที่ผู้ใช้ ๆ งานบ่อย ๆ หรือเป็นประจำ  และผู้ใช้งานสามารถมีได้หลาย ๆ  Primary Devices  ครับ เพราะในการทำงานปัจจุบัน ผู้ใช้งานหนึ่งคนมีดีไวซ์มากกว่า 1 ดีไวซ์ในการทำงาน 
โดยใน ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้งานกับดีไวซ์ สามารถกำหนดรูปต่าง ๆ ได้ ดังนี้
- 1 Primary Device ต่อ 1 User
- หลาย ๆ Primary Devices ต่อ 1 User
- หลาย ๆ Primary Users ต่อ 1 Device
นอกจากนี้ยังสามารถกำหนด Software Policy ที่แตกต่างกันได้สำหรับ Primary และ Non-Primary Devices  ตัวอย่าง เช่น ถ้าผมทำการ Log on ที่เครื่องของคนอื่น ซึ่งเครื่องดังกล่าวไม่ได้กำหนดเป็น Primary Device ของผม  Software ต่างๆ ที่ได้กำหนด Policy เอาไว้ตาม Primary Device จะส่งผลให้เครื่องดังกล่าวจะไม่มี Software นั้นติดตั้งให้ผมใช้งานได้ครับ 
4.  Application Model
เป็นส่วนที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการแบบ User Centric Management ตามที่ผมได้อธิบายไปแล้วในตอนต้น  โดยเราสามารถใช้ Application Model ในการทำ Uninstall, Supersede และทำ   On-demand Installation  โดยใน Configuration Manager 2012, Application สามารถประกอบไปด้วยรูปแบบของการ Deployments หลายแบบ เช่น  MSI, APP-V และอื่นๆ    และในแต่ละแบบของการ   Deployment จะมีวิธีการติดตั้งแอพพิเคชั่นที่แตกต่างกันไป  ดังรูป
และยังสามารถกำหนดเรื่องของ Dependencies  ของแอพพิเคชั่น ได้อีกด้วย  เช่น ผมต้องการติดตั้งแอพพิเคชั่น B ลงไปที่เครื่องของผู้ใช้งาน  แต่ที่เครื่องของผู้ใช้งานจะต้องมีแอพพิเคชั่น A ติดตั้งก่อน  ดังรูป

5.  Application Catalog
เป็น Web Portal สำหรับให้ผู้ใช้งานสามารถทำการเลือกติดตั้ง Software หรือ Applications ต่างๆ  ได้  คล้ายกับ App Store ซึ่งจากเดิมการทำ Software Distribution ใน SCCM 2007 R2/R3 ทำได้โดยผ่านการ Advertisement   แต่ในการทำ Software Distribution ใน Configuration Manager 2012 มีหลายวิธีครับ  Application Catalog เป็นทางเลือกหนึ่งในการติดตั้ง Software หรือ Applications ให้กับผู้ใช้งาน  ดังรูป

6.  Role-Based Administration
การกำหนดหน้าที่หรือการ Delegate  งานต่างๆ ในการบริหารและจัดการส่วนต่างๆ  ของ Configuration Manager 2012 ให้กับผู้ใช้งาน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ดูแลระบบนั้น สามารถทำได้โดยการใช้  Role-Based Administration  ซึ่งในเวอร์ชั่น 2012 มีการปรับปรุงให้สามารถกำหนดค่าต่างๆ  ได้ง่ายมากขึ้น และเมื่อผู้ใช้งานที่เราได้ทำการกำหนด Role-Based Administration ให้แล้ว เมื่อเปิดคอนโซลขึ้นมาใช้งาน  ก็จะเห็นเฉพาะส่วนที่สามารถทำงานได้เท่านั้น    โดยใน Configuration Manager 2012 ได้เตรียม 15 Rules สำหรับ Role-Based Administration มาให้ใช้งาน  รูปด้านล่าง  แสดงถึง คอนโซลที่ได้ทำการ Delegate งานในการจัดการส่วนต่างๆ  ใน  SCCM 2007 R2/R3  ให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งทำได้ค่อนข้างยากเพราะต้องทำการซ่อนส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป
แต่ถ้าใช้ Role-Based Administration ใน Configuration Manager 2012 จัดการเรื่องเดียวกัน จะเป็น ดังรูป
จะเห็นว่าผู้ใช้งานเห็นและจัดการเฉพาะส่วนที่ได้รับการ Delegate   เท่านั้น

และทัง้หมดนี้เป็นการรีวิว SCCM 2012 เพียงแค่ตอนแรกเท่านั้นนะครับ  ยังมีอีกหลาย ๆ ฟีเจอร์ที่น่าสนใจนะครับ  เพราะฉะนั้นโปรดติดตามตอนที่ 2 เร็ว ๆ นี้นะครับผม .....

3 ความคิดเห็น:

  1. น่าสนใจมากเลยครับ

    ตอบลบ
  2. พอจะบอกได้ไมหครับว่าใน SCCM ส่วนใหญ่ติดตั้ง Application ไหนบ้างเพื่อใช้งานบน SCCM ให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด บอกเป็นชื่อ App ได้ไหมครับ ช่วยผมที

    ตอบลบ