1. Start Menu
เป็นฟีเจอร์แรกที่ต้องพูดถึงครับ เพราะมันถูกนำกลับมาอีกครั้ง โดยแต่เดิมมันจะเป็นอินเตอร์เฟซเต็มๆ
เลยใน Windows 8 และ 8.1 แต่ใน Windows 10 เจ้า Start Menu
จะอยู่ที่มุมล่างด้านซ้ายครับโดยทำการคลิ๊กที่ปุ่ม Windows ครับ ดังรูป ท่านผู้อ่านสามารถใส่ฟีเจอร์บางอย่างลงไปใน
Start Screen ได้ เช่น เพิ่ม Live Tiles โดยสามารถ เพิ่ม ลบ เปลี่ยนตำแหน่งและปรับขนาด
Live Tiles ได้ครับ
2. Windows Store Apps
ใน Windows 8, เมื่อต้องการใช้งานหรือเข้าไปดาวน์โหลดซอฟท์แวร์สำหรับ
Windows 8 เราจะเข้าไปใน Windows Store ซึ่งมันจะเป็นแบบ Full Screen
ซึ่งในมุมมองของผู้ใช้งานรู้สึกว่าไม่ค่อยสะดวกและคล่องตัวในการใช้งานครับ ดังนั้นใน Windows 10 ในส่วนของ
Windows Store Apps จะเปิดและทำงานเป็น Windows นึงเท่านั้นครับไม่ได้เป็น Full Screen
เหมือนในเวอร์ชั่นก่อนครับ
3. Cortana
ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านหลายท่านอาจจะยังไม่รู้จัก Cortana คืออะไร? และเอาไว้ใช้ทำอะไร
ผมขออธิบายและแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับ Cortana ครับ Cortana คือ ผู้ช่วยส่วนตัวที่ความเฉลียวฉลาด
ที่จะมาช่วยเราในการค้นหาสิ่งต่างๆ ในเครื่องของคุณ, จัดการ
Calendar, ค้นหาไฟล์ และอื่นๆ โดยเราสามารถพิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหาหรือพูดกับ
Cortana ครับ หรือจะให้ Cortana ช่วยเตือนความจำเรา เช่น
ให้ทำการเตือนเราให้โทรหาลูกค้า ตอนเวลาบ่ายโมง ครับ เป็นไงครับ
น่าใช้มั๊ยครับสำหรับ Cortana
4. Task View
คือฟีเจอร์ที่แสดงรายการแอพพิเคชั่นต่างๆ ที่ถูกเปิดใช้งานอยู่ ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถสลับหน้าจอไปมาได้อย่างสะดวกและง่ายมากขึ้น
สามารถเรียกใช้งานได้โดยคลิ๊กที่ปุ่ม Task View หรือกด
ALT + Tab ครับ ดังรูป
5. Snap Assist
คือฟีเจอร์ที่ทำการจัดเรียงแอพพิเคชั่นที่เปิดใช้งานอยู่ใน
Task View ให้ขึ้นมาทำงานพร้อมๆ กันบนหน้าจอ ซึ่งสามารถทำได้โดยการคลิ๊ก
ลากและวางแอพพิเคชั่นนั้นๆ ที่ต้องการ ซึ่งท่านผู้อ่านสามารถวางแอพพิเคชั่นในหน้าจอเดียวกันได้มากถึง
4 แอพพิเคชั่นครับ
6. Microsoft Edge
เป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากที่สุดฟีเจอร์หนึ่งใน Windows 10 ครับ
เพราะนี้คือ Browser ตัวใหม่ที่จะมาใช้งานแทน Internet Explorer
ที่เราคุ้นเคยและใช้งานกันมานานครับ โดย Microsoft
Edge
ถูกออกแบบมาให้ใช้ง่ายและรวดเร็ว นอกจากนี้แล้วยังเป็น Browser
ที่ให้ท่านผู้อ่านสามารถทำการจดโน๊ต, เขียน, ขีดเส้น
และรวมถึงไฮไลท์ไปที่หน้าเว็ปเพจได้เลยโดยตรง จากนั้นทำการ Save
และแชร์ได้ด้วยครับ
7. Virtual Desktop
เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจและถูกใส่เข้ามาใน Windows 10 ครับ ทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างสะดวกมากขึ้นครับ
ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านยังสงสัยอยู่ใช่มั๊ยครับว่า Virtual Desktop ใน Windows
10
คืออะไร ผมขออธิบายแบบนี้นะครับว่า โดยปรกติแล้ว
ถ้ามีจอหรือมอนิเตอร์เดียวแล้วต่อเข้ากับเครื่องของเรา เราก้อจะมีหน้าจอหรือ Screen
เดียวที่เราใช้ในการทำงานรวมถึงการรันแอพพิเคชั่นต่างๆ
ซึ่งมันยังคงใช้งานลักษณะแบบนี้ได้ถ้าเราทำงานโดยเปิดใช้งานแค่
Browser และ Microsoft Office
นั่นหมายถึงเราเปิดหรือรันแอพพิเคชั่นแค่สองถึงสามแอพพิเคชั่นเท่านั้น
แต่ในความเป็นจริงแล้วผมเชื่อว่าเราเปิดใช้งานหรือรันแอพพิเคชั่นมากกว่านั้นเยอะครับ
สิ่งที่จะมาช่วยเราได้ในการจัดการการใช้งานแอพพิเคชั่นหลายๆ
ตัวในกรณีที่เรามีจอหรือมอนิเตอร์เดียวได้คือ เราต้องมีจอหรือมอนิเตอร์เพิ่มครับ
ซี่งผมเองก้อใช้งานแบบนี้เหมือนกัน
ซึ่งมันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้มอนิเตอร์เพิ่มกับผู้ใช้งานทุกคนในองค์กร
เพราะฉะนั้นเราจัดการกับแอพพิเคชั่นต่างๆ ที่เราทำงานอยู่ได้โดยมีเพียงแค่มอนิเตอร์เดียวได้อย่างไร คำตอบคือ เราสามารถทำได้ใน Windows 10 โดยใช้ Virtual
Desktop ครับ
โดยฟีเจอร์นี้จะให้ท่านผู้อ่านทำการสร้างหลาย ๆ Screens ขึ้นมา
และสามารถทำการจัดเรียงแอพพิเคชั่นต่างๆ แยกตาม Screens ได้ครับ เช่น
Screen
แรกของผมจะเป็นแอพพิเคชั่นที่ใช้เกี่ยวกับการทำงาน ส่วนอีก Screen
หนึ่งรันแอพพิเคชั่นเกี่ยวกับการดูหนัง ฟังเพลง เป็นต้นครับ
8. Action Center
เป็นฟีเจอร์ที่ถูกปรับปรุงใหม่ ซึ่งจะช่วยเตือนให้เราทราบถึงข้อมูลต่างๆ
ที่เป็นประโยชน์ และจะไม่หายไปเหมือนใน Windows 8 โดย Action
Center ใน Windows 10 จะมี Notification Slide และมาพร้อมกับ
Quick-Action Buttons เพื่อใช้ในการทำงานต่งๆ เช่น การ Activate Bluetooth, การเชื่อมต่อ
VPN
และอื่นๆ ดังรูปด้านล่างครับ
9. Universal Apps
เป็นฟีเจอร์ที่เหมาะสำหรับท่านผู้อ่านที่มีดีไวซ์ใช้งานหลายๆ ดีไวซ์
แต่ต้องบอกว่าเป็น Windows ดีไวซ์นะครับ ใน Windows 10
ได้เตรียมแอพพเคชั่นต่างๆ ดังนี้ Photos, Videos, Music, Maps, People
& Messaging and Mail & Calendar) สามารถใช้งานแอพพิเคชั่นเหล่านี้
ซึ่งในอนาคตจะมีมากกว่านี้บน Windows ดีไวซ์ตัวไหนก้อได้โดยการใช้งานแอพพิเคชั่นดังกล่าวนี้จะยังคงทำงานและให้ความรู้สึกไม่แตกต่างเลย
ถึงแม้ว่าเราจะทำการเปลี่ยนดีไวซ์ นอกจากนี้แล้วข้อมูลต่างๆ
ท่านผู้อ่านสามารถเก็บและทำการซิงค์โดยอัตโนมัติผ่านทาง OneDrive
ได้อีกด้วยครับ
10. Windows Hello
เป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจเป็นอย่างมากสำหรับความปลอดภัยในการ Authentication เพื่อเข้าใช้งานเครื่องหรือดีไวซ์ต่างๆ
เพราะโดยปรกติผู้ใช้งานจะสามารถเข้าไปใช้งานเครื่องหรือดีไวซ์ต่างๆ
จะต้องมี
Username และ Password เพื่อทำการ Authentication ซึ่ง ณ ปัจจุบันอาจจะไม่ค่อยมีความปลอดภัยมากเท่าไร
เพราะฉะนั้นถ้าท่านผู้อ่านต้องการความปลอดภัยที่ดีกว่าการเข้าใช้งานและการ Authentication โดยใช้
Username และ Password ผมอยากให้ลองใช้งาน Windows Hello ครับ เพราะ
Windows Hello ใช้ Biometrics ครับ เช่น ใบหน้า, ม่านตา หรือลายนิ้วมือ เพื่อเข้าใช้งาน Windows 10 ดีไวซ์ครับ
รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้จากลิ๊งค์นี้ครับผม http://blogs.windows.com/bloggingwindows/2015/03/17/making-windows-10-more-personal-and-more-secure-with-windows-hello/
ต้องบอกว่ายังมี Features ที่น่าสนใจมากกว่านี้นะครับ แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่า Features ข้างต้นที่ผมนำมาเสนอนั้นน่าสนใจครับ อย่าลืมไปลองเล่นและใช้งาน Windows 10 กันนะครับผม.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น