สวัสดีครับทุกท่าน เรามาต่อกันที่เรื่องของ Microsoft Azure ในเรื่องราวของ Azure Storage กันต่อครับ หลังจากที่ตอนที่ 1 ผมได้อธิบายเรื่องราวของ Azure Storage ไปจนถึงเรื่องของ Durability (LRS, GRS, และอื่นๆ) ท่านผู้อ่านท่านใดยังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 ผมแนะนำให้ไปอ่านตอนที่ 1 ก่อนนะครับ สำหรับในหัวข้อต่อไปของ Azure Storage ที่ผมจะนำมาเสนอให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบกันต่อจากเรื่องของ Durability ก็คือ เรื่องของ Performance ครับ
Performance (ใน Azure Storage มีให้เลือกระหว่าง Standard กับ Premium)
โดยปรกติแล้ว Standard จะถูกเลือกใช้งานสำหรับการสร้าง Azure VM ซึ่งมีให้ท่านผู้อ่านเลือกโดย Default ในทุก ๆ Azure VM Sizes ครับ การเก็บข้อมูลใน Azure Storage ที่เป็นแบบ Standard นั้นข้อมูลดังกล่าวจะถูกเก็บลงไปใน Disk ปรกติที่ไม่ Solid State Disk (SSD) ครับ ซึ่งถ้ามองในเรื่องของค่าใช้จ่าย Azure Storage ที่เป็นแบบ Standard ก็จะมีราคาที่ย่อมเยาว์กว่าหรือถูกกว่า Azure Storage ที่เป็นแบบ Premium ซึ่งผมกำลังจะอธิบายต่อจากนี้ครับผม รูปด้านล่างเป็นรูปของ Azure Storage ที่เป็นแบบ Standard ที่ผมใช้ใน Azure VM ของผมครับ
เอาล่ะครับมาดูกันต่อที่ Azure Storage อีกแบบหนึ่ง นั่นก็คือ แบบ Premium สำหรับ Storage แบบนี้ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งาน Applications ต่างๆ ที่ต้องการหรือเน้นเรื่องของ Performance เป็นหลักเช่น SQL ก็ต้องเลือก Premium ครับ เพราะข้อมูลต่างๆ จะถูกเก็บใน Solid State Disk (SSD) ครับ และแน่นอนครับ Premium จะมีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่า Standard อย่างที่ผมได้เกริ่นไปก่อนหน้านี้ครับ ดังนั้นผมแนะนำให้ใช้ Azure Storage ที่เป็นแบบ Premium ถ้าท่านผู้อ่านโฟกัสหรือต้องการ Performance และ High Availability ครับ
ดังรูปด้านล่าง ท่านผู้อ่านสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ Azure Storage แบบไหน ระหว่าง Standard กับ Premium ครับ
Persistency
สำหรับเรื่องต่อมาคือ เรื่องของ Persistency ครับ เมื่อท่านผู้อ่านทำการสร้าง Azure VM ขึ้นมา ข้อมูลต่างๆ ซึ่งก็คือตัว Azure VM (.VHD), ข้อมูลต่างๆ และอื่นๆ ก็จะถูกเก็บลงไปใน Azure Storage ซึ่งแล้วแต่ว่าจะเลือก Standard หรือ Premium ตามที่ผมได้อธิบายไปในหัวข้อ Performance ก่อนหน้านี้ สิ่งที่ต้องมาทำการพิจารณาคือ Persistency เพราะ ข้อมูลที่เราเก็บนั้นจะยังคงอยู่หรือไม่ ถ้ามีการ Stopping และ Starting Azure VM โดยมีให้เลือก 2 แบบ คือ
1. Persistent Storage หมายถึง ข้อมูลจะยังคงอยู่ หลังจากที่มีการ Stopping และ Restarting Azure VM
2. Non-Persistent Storage หมายถึง ข้อมูลจะหายไป หลังจากที่มีการ Restarting Azure VM
และทั้งหมดนี้คือ 3 หัวข้อหรือเรื่องหลัก ๆ ที่ผมได้เกริ่นไว้ตั้งแต่ตอนที่ 1 สำหรับการพิจารณาเมื่อจะมีการใช้ Azure Storage ครับ โดย 3 หัวข้อหลักๆ มีอะไรบ้าง ผมทวนให้อีกทีครับ คือ Durability, Performance, และ Persistency ครับผม
เรื่องต่อมาที่ผมจะพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับ "Azure Storage Account" ครับ
Azure Storage Account คืออะไร?
Azure Storage Account คือ Secure Account ที่ให้เราเข้าถึงหรือ Access ไปยัง Azure Storage Services ได้ครับ ในระหว่างที่ทำการสร้าง Azure Storage Account จะมี Option ให้เลือก 2 Options ดังนี้:
1. General-Purpose Storage Account
2. Blob Storage Account
มาดูกันที่ General-Purpose Account กันก่อนครับ สำหรับ Option นี้จะให้เราสามารถเข้าถึง Azure Storage Services ต่างๆ ทั้งหมด เช่น
- Blobs
- Tables
- Files
- Queues
ส่วน Blob Storage Account จะถูกออกแบบมาเพื่อเก็บ Unstructured Data เท่านั้นครับ ดังนั้นจะมี Azure Storage Service เดียวเท่านั้นที่ใช้งานได้กับ Blob Storage Account นั่นก็คือ Blob Storage ครับ
มาถึงตรงนี้ผมจะสาธิตวิธีการสร้าง Azure Storage Account ให้ท่านผู้อ่านได้ดูกันครับผม โดยเริ่มที่เปิด Azure Portal ขึ้นมาครับ จากนั้นให้คลิ๊ก New ดังรูปครับ
จากนั้นให้พิมพ์ Storage Account ในช่อง Search the Marketplace แล้วกด Enter รอซักครู่ก็จะพบกับ Storage Account ดังรูปด้านล่างครับ
จากนั้นให้เลือก Storage Account ครับ แล้วคลิ๊ก Create ดังรูปครับ
หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่การกำหนดค่าต่างๆ ซึ่งผมได้อธิบายไว้ก่อนหน้านี้ครับ ไม่ว่าจะเป็น Azure Storage Types หรือ Kinds, การกำหนด Azure Storage ว่าจะเป็นแบบ Standard หรือ Premium เป็นต้น ดังรูปด้านล่างครับผม
จากนั้นให้คลิ๊ก Create ครับ จากนั้นให้รอซักครู่ครับ Microsoft Azure ก็จะทำการสร้าง Azure Storage Account ให้ครับผม
และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวบางส่วนของ Azure Storage ที่ผมนำมาเสนอให้ท่านผู้อ่านได้รูัจักกันครับผม.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น